การจัดแสงแบบ Rembrandt เป็นหนึ่งในเทคนิคการจัดแสงที่ได้รับความนิยมมากในวงการถ่ายภาพและศิลปะภาพวาด เทคนิคนี้ตั้งชื่อตามศิลปินชาวดัตช์ชื่อดัง “Rembrandt Harmenszoon van Rijn” ซึ่งใช้การจัดแสงลักษณะนี้ในผลงานของเขาเพื่อสร้างความลึกและอารมณ์ให้กับตัวแบบ
(แร็มบรันต์ ฮาร์เมินส์โซน ฟัน ไรน์ : Rembrandt Harmenszoon van Rijn)
ลักษณะของแสงแบบ Rembrandt
จุดเด่นของแสงแบบ Rembrandt คือการที่แสงตกกระทบบนใบหน้าของตัวแบบโดยเกิด “สามเหลี่ยมของแสง” (Rembrandt Triangle)
รับตัดต่อหนังสั้น บนแก้มข้างที่อยู่ตรงข้ามกับแหล่งกำเนิดแสง รูปแบบแสงนี้ช่วยให้ภาพดูมีมิติและมีอารมณ์มากขึ้น
องค์ประกอบสำคัญของแสงแบบ Rembrandt:
- แหล่งกำเนิดแสงหลัก (Key Light): มักจะถูกวางในมุม 45 องศาจากด้านข้างและด้านบนของตัวแบบ
- สามเหลี่ยมของแสง: บริเวณใต้ตาข้างที่อยู่ตรงข้ามกับแหล่งกำเนิดแสง จะเกิดเป็นพื้นที่สว่างรูปสามเหลี่ยมขนาดเล็ก
- เงาครึ่งหน้า: ใบหน้าจะมีด้านหนึ่งที่สว่างและอีกด้านที่เป็นเงาเพื่อสร้างความลึก
- แสงเติม (Fill Light) หรือแสงสะท้อน: อาจถูกใช้เพื่อควบคุมความเข้มของเงา ไม่ให้มืดเกินไป
วิธีการจัดแสงแบบ Rembrandt
- เลือกตำแหน่งของแหล่งกำเนิดแสงหลัก – วางไฟหลักให้อยู่ด้านข้างของตัวแบบประมาณ 45 องศา และสูงกว่าระดับสายตาของตัวแบบ
- ปรับองศาของตัวแบบ – ให้ตัวแบบหันหน้าเล็กน้อยเพื่อให้เกิดสามเหลี่ยมของแสงบนแก้ม
- ปรับแสงเติม (ถ้าจำเป็น) – หากเงามืดเกินไป สามารถใช้แสงเติมหรือรีเฟลกเตอร์สะท้อนแสงเพื่อให้เงาดูสมดุลมากขึ้น
- ตรวจสอบสามเหลี่ยมของแสง – ตรวจสอบให้แน่ใจว่าสามเหลี่ยมมีขนาดพอเหมาะ ไม่ใหญ่หรือเล็กเกินไป
การใช้งานและประโยชน์
- ใช้ใน การถ่ายภาพบุคคล (Portrait Photography) เพื่อสร้างอารมณ์ที่ลึกซึ้งและมีพลัง
- นิยมใช้ใน งานศิลปะและจิตรกรรม เพื่อสร้างมิติและแสดงบุคลิกของตัวแบบ
- ใช้ใน การทำภาพยนตร์ เพื่อเพิ่มความดรามาติกให้กับฉาก
การจัดแสงแบบ Rembrandt เป็นเทคนิคที่ช่วยเพิ่มมิติและอารมณ์ให้กับภาพถ่ายและงานศิลปะ ด้วยการจัดวางแสงที่เหมาะสม สามารถสร้างภาพที่ทรงพลังและมีเอกลักษณ์ได้อย่างน่าทึ่ง การฝึกฝนและทดลองกับมุมแสงต่าง ๆ จะช่วยให้คุณสามารถนำเทคนิคนี้ไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น